ขุด Bitcoin 2

วิธีการหาเงินจากคริปโตฯ มีมากมายหลายวิธี หนึ่งในวิธีที่มีมาอย่างยาวนานที่สุดคือ ขุด Bitcoin (Bitcoin Mining) บทความนี้จะพาไปเจาะลึกว่าการขุด Bitcoin คืออะไร แล้วถ้าอยากเข้าสู่วงการขุด Bitcoin จะต้องทำอย่างไรบ้าง

การ ขุด Bitcoin คืออะไร?

‘การขุด Bitcoin’ เป็นกระบวนการสร้างเหรียญ Bitcoin ใหม่ด้วยการถอดรหัสสมการทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนผ่านคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งชิปพิเศษ (ASIC) ซึ่งผู้ที่สามารถแก้สมการได้สำเร็จก่อนก็จะได้รับรางวัลเป็นเหรียญ Bitcoin หรือ BTC มูลค่า 6.25 BTC ต่อ 1 บล็อก อย่างไรก็ตาม มูลค่าของรางวัลที่จะได้รับจากการขุด Bitcoin จะลดลงครึ่งหนึ่งในทุก ๆ 4 ปี โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในหัวข้อ ‘Bitcoin Halving’ ปรากฏการณ์ที่สายขุดต้องรู้จัก

ทั้งนี้ จำนวนบิตคอยน์มีอยู่จำกัดที่ประมาณ 21 ล้านเหรียญ ซึ่งล่าสุด ณ เดือนเมษายน 2022 บิตคอยน์ถูกขุดไปแล้วกว่า 19.01 ล้านเหรียญ หรือราว 90% ของจำนวนบิตคอยน์ทั้งหมด โดยคาดว่าบิตคอยน์จะถูกขุดหมดประมาณปี 2140 ด้วยอุปทาน (Supply) ที่มีอยู่อย่างจำกัดนี้ทำให้นักขุด Bitcoin ต้องต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพื่อให้ได้มาซึ่งเหรียญ Bitcoin

‘Bitcoin Halving’ ปรากฏการณ์ที่สายขุดต้องรู้จัก

ใครที่ศึกษาเกี่ยวกับ Bitcoin อยู่ คงเคยได้ยินคำว่า ‘Bitcoin Halving’ มาบ้าง ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ถ้าใครอยากเป็นสายขุดต้องทำความรู้จักมันไว้ด้วย

Bitcoin Halving เป็นเหตุการณ์ที่รางวัลสำหรับการขุด Bitcoin จะลดลงครึ่งหนึ่งในทุก ๆ 4 ปี โดยเมื่อปี 2009 ที่ Bitcoin ถือกำเนิดขึ้น หากเราขุด Bitcoin เราจะได้รับผลตอบแทนจากการขุดถึง 50 BTC ต่อ 1 บล็อก ในปี 2012 ผลตอบแทนที่ได้รับจะเหลือครึ่งหนึ่งที่ 25 BTC ต่อ 1 บล็อก ปี 2016 ก็จะเหลือ 12.5 BTC ต่อ 1 บล็อก และในปี 2020 ที่เกิดเหตุการณ์ Bitcoin Halving ครั้งที่ 3 ทำให้รางวัลที่จะได้จากการขุดเหลือ 6.25 BTC ต่อ 1 บล็อก ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่จะได้หากเราขุด Bitcoin ได้ตอนนี้นั่นเอง และนั่นก็หมายความว่าปี 2024 หรืออีก 2 ปีที่จะถึงนี้ เหตุการณ์ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4 จะทำให้รางวัลจากการขุด Bitcoin เหลือเพียง 3.125 BTC ต่อ 1 บล็อก หรือลดลงจากปี 2009 กว่า 1500% เลยทีเดียว

ขุด Bitcoin 1

ขุด Bitcoin ทำลายโลกจริงหรือ?

ในช่วงแรก ๆ ของการกำเนิด Bitcoin นักขุดสามารถใช้โปรแกรมขุดบนคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อปในการขุด Bitcoin ได้ แต่เมื่อเครือข่ายของ Bitcoin มีขนาดใหญ่ขึ้นและเริ่มมีนักขุดมากหน้าหลายตาเข้ามาหารายได้จากการขุด Bitcoin มากขึ้น อัลกอริธึมในการขุดก็ยากขึ้น แม้ว่าประสิทธิภาพของชิป ASIC จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แต่การเติบโตของเครือข่าย Bitcoin อย่างรวดเร็วก็แซงหน้าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการขุด Bitcoin เนื่องจากต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาลในการทำงาน อ้างอิงจากข้อมูลของ XRP Ledger ที่กล่าวว่าบิตคอยน์ใช้ไฟฟ้าต่อชั่วโมงมากที่สุดถึง 951.58 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ในขณะที่เงินสดใช้ไฟฟ้า 0.044 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ส่วนมาสเตอร์การ์ด (Master Card) ใช้ไฟฟ้าน้อยที่สุดเพียง 0.0006 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) หรือน้อยกว่าบิตคอยน์ถึง 1.58 ล้านเท่า

ในปี 2021 ที่ผ่านมา เจ้าแห่งรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง ‘Tesla’ ได้ประกาศรับ Bitcoin ในการชำระค่ารถยนต์ไฟฟ้า แต่ไม่นานก็ต้องยกเลิกไปเพราะอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ได้หยิบยกประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมขึ้นมากล่าวถึง พร้อมกล่าวว่ามีโอกาสกลับมารับบิตคอยน์ในการทำธรุกรรมอีกครั้งหากการขุด Bitcoin ใช้พลังงานสะอาดเกิน 50%

ขุด Bitcoinได้ต้องเสียภาษีไหม?

“ภาษีคริปโตฯ” กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในช่วงต้นปี 2022 ที่ผ่านมา หลังจากกรมสรรพากรได้กำหนดให้ผู้ที่มีรายได้จากสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ต้องเสียภาษีเงินได้ แต่สายขุดก็ยังไม่ต้องร้อนใจกันไป เพราะรายได้ที่เกิดจากการขุด Bitcoin นั้นยังไม่ถือเป็นเงินได้ ฉะนั้นจึงยังไม่ต้องเสียภาษีเงินได้นั่นเอง ใครอยากเป็นสายขุดก็เบาใจในเรื่องนี้ไปได้ แต่ในอนาคตทางกรมสรรพากรจะมีการพิจารณาเปลี่ยนกฎเกณฑ์หรือไม่ก็ยังต้องติดตามกันต่อไป

ขุด Bitcoinอย่างไรให้ปัง?

ปัจจัยที่นักขุด Bitcoin ต้องคำนึงมีอยู่ 3 ปัจจัยหลัก ๆ ซึ่งได้แก่ เครื่องขุด, ค่าไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่าย

เครื่องขุด: นักขุดต้องทำการซื้อเครื่องขุด Bitcoin โดยเฉพาะ หรือที่เรียกกันว่า ASIC แม้ว่าจะสามารถขุด Bitcoin ได้ด้วย CPU ทั่วไปที่ใช้ GPU หรือ FPGA แต่การขุดจะทำได้อย่างช้า ๆ ซึ่งทำให้เสียเวลาและค่าไฟโดยเปล่าประโยชน์ เพราะมีคู่แข่งจำนวนไม่น้อยที่ใช้เครื่องขุด Bitcoin สเปคเทพ มาลงสนามขุด Bitcoin ไปพร้อมคุณ

ค่าไฟฟ้า: ในการขุด Bitcoin จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นค่าไฟฟ้าจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงสำหรับการขุด Bitcoin นักขุด Bitcoin มืออาชีพส่วนใหญ่มักจะตั้งเหมืองขุดในประเทศที่มีค่าไฟฟ้าต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่ำเพื่อลดต้นทุนในส่วนนี้ โดยต้องต่ำกว่า $0.06 ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง จึงจะสามารถทำกำไรจากการขุด Bitcoin ได้แม้ว่าจะอยู่ในภาวะตลาดหมี

โครงสร้างพื้นฐานของเครือข่าย: ความเร็วของเครือข่ายไม่ได้สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนกับกระบวนการขุด Bitcoin อย่างไรก็ตาม นักขุดต้องแน่ใจว่าอินเทอร์เน็ตของคุณมีการเชื่อมต่อที่เสถียรพร้อมรับการใช้งานของโปรแกรมขุด Bitcoin ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะหากการเชื่อมต่อของอินเทอร์เน็ตถูกตัดไป กระบวนการขุดอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาดหลังจากอินเทอร์เน็ตกลับมาเชื่อมต่อได้อีกครั้ง


ติดตามข่าวอื่นๆได้ที่ https://horseng.com/
สนับสนุนโดย  ufabet369
ที่มา www.finnomena.com